ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในทุกแง่มุมของชีวิต ทักษะการคิดเชิงคำนวณ หรือ Computational Thinking (CT) กลายเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรมี CT เปรียบเสมือนเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยให้เราสามารถแก้ปัญหา วิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดตามเนื้อหาที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ SPARK EDUCATION
Computational Thinking คืออะไร
Computational Thinking หรือ CT หมายถึง ทักษะการคิดเชิงคำนวณ เป็นกระบวนการคิดที่ช่วยให้เราสามารถแก้ปัญหา วิเคราะห์ข้อมูล ตัดสินใจ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยใช้หลักการของวิทยาการคอมพิวเตอร์ ประกอบไปด้วยกระบวนการคิด 4 รูปแบบได้แก่ การย่อยปัญหา (Decomposition), การจดจำรูปแบบ (Pattern Recognition), การออกแบบอัลกอริทึม (Algorithm Design) และ การสรุปผล (Abstraction)
หลักการของ Computational Thinking
CT ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ดังนี้
1. การย่อยปัญหา (Decomposition)
การย่อยปัญหา(Decomposition) คือ การแบ่งปัญหาที่ซับซ้อนออกเป็นส่วนย่อย ๆ ที่เข้าใจง่าย และจัดการได้ง่ายขึ้น เปรียบเสมือนการแบ่งงานใหญ่ ๆ ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตัวอย่างเช่น สมมติว่าต้องการเขียนโปรแกรมสำหรับคำนวณค่าเฉลี่ยของตัวเลข แทนที่จะเขียนโปรแกรมทั้งหมดในคราวเดียว เราสามารถย่อยปัญหาออกเป็นดังนี้
- รับค่าตัวเลข
- บวกค่าตัวเลขทั้งหมด
- หารค่าผลรวมด้วยจำนวนตัวเลข
- แสดงผลลัพธ์
ประโยชน์ของการการย่อยปัญหา
- ช่วยให้เข้าใจปัญหาได้ง่ายขึ้น
- ช่วยให้นักพัฒนาเขียนโปรแกรมได้อย่างมีลำดับ
- ช่วยให้แก้ไขข้อผิดพลาดได้ง่ายขึ้น
2. การจำแนกรูปแบบ (Pattern Recognition)
การจำแนกรูปแบบ (Pattern Recognition) คือ ทักษะสำคัญของการคิดเชิงคำนวณ หมายถึงความสามารถในการมองเห็น สังเกต และจำแนกรูปแบบหรือโครงสร้างที่ซ้ำซ้อนหรือคล้ายคลึงกันในข้อมูลหรือสถานการณ์ต่างๆ ทักษะนี้มีความสำคัญในการช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น แยกแยะส่วนที่เป็นรูปแบบหลักและข้อยกเว้น ตัวอย่างในการใช้งานทักษะ การจดจำรูปแบบ (Pattern Recognition) ได้แก่
- การวิเคราะห์และเห็นรูปแบบของ สินค้าประเภทใดขายดี
- การวิเคราะห์และเห็นรูปแบบของ สินค้าขายดีในช่วงเวลาใด เช้า เที่ยง เย็น ค่ำ
- การวิเคราะห์และเห็นรูปแบบของ สินค้าขายดีในพื้นที่ใด สาขากลางเมือง สาขาชานเมือง
ประโยชน์ของการจดจำรูปแบบ
- ช่วยให้เข้าใจข้อมูลได้ดีขึ้น
- ช่วยให้คาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การออกแบบอัลกอริทึม (Algorithm Design)
การออกแบบอัลกอริทึม(Algorithm Design) คือ ทักษะความสามารถในการกำหนดขั้นตอนหรือวิธีการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยขั้นตอนเหล่านั้นจะต้องมีความชัดเจน ไม่คลุมเครือ สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และนำไปสู่การแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง การออกแบบอัลกอริทึมมีความสำคัญเนื่องจากช่วยให้สามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและดำเนินการแก้ไขปัญหา ตัวอย่างเช่น สมมติว่าต้องการเขียนโปรแกรมสำหรับค้นหาคำในข้อความ เราสามารถออกแบบอัลกอริทึม ดังนี้
- วนซ้ำแต่ละตัวอักษรในข้อความ
- เปรียบเทียบตัวอักษรกับคำที่ต้องการค้นหา
- ถ้าตรงกัน แสดงว่าพบคำที่ต้องการค้นหา
ประโยชน์ของการออกแบบอัลกอริทึม(Algorithm Design)
- ช่วยให้แก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยให้เขียนโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยให้แก้ไขข้อผิดพลาดได้ง่ายขึ้น
4. การสกัดส่วนสำคัญ (Abstraction)
การสกัดส่วนสำคัญ (Abstraction) คือ ความสามารถในการมองภาพรวมของปัญหาหรือสถานการณ์ โดยละทิ้งรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อให้เห็นแก่นแท้หรือสาระสำคัญของสิ่งนั้นๆ ได้ชัดเจนขึ้น กระบวนการนี้ช่วยลดความซับซ้อน ทำให้สามารถจัดการกับปัญหาที่ยากหรือซับซ้อนได้ง่ายขึ้น ในหนังสือเรียนวิทชาวิทยาการคำนวณให้ความหมายของ Abstaction Thinking คือ การคิดเชิงนามธรรม
ตัวอย่างเช่น สมมติว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับผลการเรียนของนักเรียน เราสามารถสรุปผลดังนี้
- นักเรียนส่วนใหญ่สอบผ่าน
- นักเรียนบางคนสอบตก
- นักเรียนที่มีคะแนนสูงเรียนพิเศษ
ประโยชน์ของการสกัดส่วนสำคัญ (Abstraction)
- ช่วยให้เข้าใจประเด็นสำคัญได้ง่ายขึ้น
- ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยให้สื่อสารข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Computational thinking กับการโค้ดดิ้ง
- การย่อยปัญหา(Decomposition การแตกปัญหาเป็นการแบ่งปัญหาที่ใหญ่และซับซ้อนออกเป็นส่วนย่อยๆ ที่เล็กลงและจัดการได้ง่ายกว่า โดยแต่ละส่วนย่อยจะเป็นองค์ประกอบของปัญหาใหญ่นั้น การแตกปัญหาช่วยให้เราสามารถมองเห็นภาพรวมของปัญหาได้ชัดเจนขึ้น และสามารถเขียนโค้ดแก้ไขปัญหาแต่ละส่วนย่อยไปทีละขั้นตอน ซึ่งจะง่ายกว่าการพยายามแก้ปัญหาทั้งหมดในคราวเดียว
- การจำแนกรูปแบบ (Pattern Recognition)) ในการเขียนโค้ด การมองเห็นรูปแบบที่ซ้ำซ้อนกันมีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้สามารถนำโครงสร้างโค้ดที่คล้ายกันมาใช้ซ้ำได้ เช่น การสร้างฟังก์ชันสำเร็จรูปเพื่อใช้งานซ้ำๆ หรือการใช้วงรอบ (loop) แทนการเขียนคำสั่งซ้ำๆ เป็นต้น การจำแนกรูปแบบช่วยลดความซ้ำซ้อนของโค้ด ทำให้โค้ดมีความกระชับและง่ายต่อการอ่านและบำรุงรักษามากขึ้น
- การสกัดส่วนสำคัญ(Pattern Recognition) เป็นการมองเห็นสาระสำคัญของปัญหาและแยกรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่จำเป็นออกไป ในการเขียนโปรแกรมการสกัดรูปแบบจะช่วยให้สามารถสร้างฟังก์ชัน คลาส หรือโมดูลที่เป็นตัวแทนของแนวคิดหรือองค์ประกอบสำคัญของระบบนั้นๆ ได้ ทำให้โค้ดมีความกระชับ ง่ายต่อการเข้าใจ และสามารถนำกลับมาใช้งานได้อีกในภายหลัง
- การออกแบบอัลกอริทึม(Algorithm Design) เป็นการกำหนดขั้นตอนวิธีในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและตรงประเด็น การออกแบบอัลกอริทึมที่ดีจะทำให้การเขียนโค้ดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความซ้ำซ้อนและข้ามขั้นตอนที่สำคัญ ช่วยให้โค้ดทำงานได้ตรงตามความต้องการและแก้ปัญหาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังสามารถประเมินความซับซ้อนและประสิทธิภาพของอัลกอริทึมได้ด้วย เพื่อเลือกใช้อัลกอริทึมที่เหมาะสมกับงานนั้นๆ
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Computational Thinking
- การวางแผนการเดินทาง
- Decomposition: แบ่งการเดินทางออกเป็นช่วงๆ เช่น จากบ้านไปสถานีรถไฟ จากสถานีไปสำนักงาน เป็นต้น
- Pattern Recognition: สังเกตรูปแบบการจราจรในแต่ละเส้นทาง เพื่อเลือกเส้นทางที่เหมาะสม
- Abstraction: มองการเดินทางในภาพรวม โดยไม่ต้องคำนึงถึงรายละเอียดปลีกย่อย
- Algorithm Design: วางแผนเส้นทางและจัดลำดับการเดินทางอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อให้ทันเวลาและประหยัดเวลามากที่สุด
- การทำอาหาร
- Decomposition: แบ่งขั้นตอนการทำอาหารออกเป็นส่วนๆ เช่น เตรียมวัตถุดิบ ปรุงรส ตุ๋นหรือผัด ตกแต่ง เป็นต้น
- Pattern Recognition: สังเกตุรูปแบบการปรุงอาหารประเภทเดียวกัน เพื่อนำมาประยุกต์ใช้
- Abstraction: สกัดสูตรอาหารออกมาเป็นแนวคิดหลัก โดยละทิ้งรายละเอียดที่ไม่จำเป็น
- Algorithm Design: วางขั้นตอนการทำอาหารอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
- การเลือกซื้อสินค้า
- Decomposition: แบ่งปัจจัยในการเลือกซื้อสินค้า เช่น ราคา คุณภาพ ความจำเป็น รูปแบบ ฯลฯ
- Pattern Recognition: สังเกตรูปแบบความต้องการและพฤติกรรมการซื้อของตนเอง
- Abstraction: มองหาสาระสำคัญของสินค้า โดยไม่หลงใหลในรายละเอียดรอง
- Algorithm Design: วางแผนกระบวนการตัดสินใจซื้อหรือไม่ซื้ออย่างเป็นขั้นตอน
- การบริหารเวลา
- Decomposition: แบ่งภาระงานออกเป็นงานย่อยๆ ตามลำดับความสำคัญและระยะเวลา
- Pattern Recognition: สังเกตรูปแบบกิจกรรมประจำวันหรือรอบการทำงาน
- Abstraction: มองงานในภาพรวม โดยแยกรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไป
- Algorithm Design: จัดลำดับและวางแผนการทำงานเป็นขั้นตอน เพื่อให้เสร็จทันเวลาและมีประสิทธิภาพ
- ทักษะการคิดเชิงคำนวณจึงมีประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและการทำงานต่างๆ ช่วยให้สามารถแก้ปัญหาและจัดการกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การพัฒนาทักษะComputational thinking
- การเล่นเกมกระดาน เกมกระดานหลายประเภท เช่น หมากรุก เกมตะลุยด่าน เกมผจญภัย สามารถฝึกทักษะการคิดเชิงคำนวณได้ เนื่องจากต้องใช้การคิดวิเคราะห์ การวางแผนกลยุทธ์ การแก้ปัญหา และการตัดสินใจอย่างเป็นขั้นตอน
- การเล่นเกมบนแอพหรือคอมพิวเตอร์ เกมบางประเภทจำเป็นต้องคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ สังเกตรูปแบบ และวางแผนอัลกอริทึมในการผ่านด่าน ซึ่งจะช่วยฝึกทักษะการคิดเชิงคำนวณโดยไม่รู้ตัว เช่น เกมแบบตะลุยภารกิจ เกมแนวกลยุทธ์ เกมแพลตฟอร์ม
- การเขียนโปรแกรม การเรียนรู้การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นวิธีตรงในการฝึกฝนทักษะการคิดเชิงคำนวณ เนื่องจากต้องใช้ทักษะเหล่านี้ในการแก้ปัญหา ออกแบบอัลกอริทึม และพัฒนาโปรแกรมอยู่แล้ว
- การทำงานเป็นทีม การทำงานเป็นทีมในโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ สามารถฝึกทักษะการคิดเชิงคำนวณได้ โดยการแบ่งงานเป็นส่วนย่อย การมอบหมายงาน การวางแผนขั้นตอนการทำงาน และการประสานงานร่วมกัน
- การเล่นเกมตัดสินใจ เกมตัดสินใจบางประเภท เช่น เกมนิทานหรือนวนิยายแนวผจญภัย ที่ผู้เล่นจะต้องเลือกทางเดินเรื่องและผลลัพธ์ต่างๆ จะช่วยฝึกการคิดวิเคราะห์ การแตกปัญหา และการตัดสินใจตามเงื่อนไข
- การศึกษากรณีศึกษา การศึกษากรณีศึกษาหรือสถานการณ์จำลองต่างๆ สามารถฝึกทักษะการสกัดประเด็นหลัก การแยกแยะสาเหตุ และการวางแผนแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
- การฝึกฝนทักษะการคิดเชิงคำนวณอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่างๆ ข้างต้น จะช่วยให้คุณสามารถคิดแก้ปัญหา วางแผนงาน และจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุป
Computational Thinking ถือเป็นทักษะการคิดที่สำคัญในโลกยุคดิจิทัล ซึ่งควรได้รับการปลูกฝังและส่งเสริมตั้งแต่วัยเด็กเพื่อเตรียมความพร้อมให้สามารถเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ติดตามเนื้อหาที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่
- เว็บไซต์: SPARK EDUCATION
- Facebook: https://www.facebook.com/sparkeducation.co
อ้างอิง